Slow Life ริมน้ำ ณ กาญจนบุรี (ใช้ชีวิตบนแพแบบไร้ไฟฟ้า ติดสายน้ำ ที่มีแสงตะเกียง และความหนาวเย็น)
Author : ReviewPapai
วันหยุดที สนใจลองไปใช้ชีวิตแบบ Slow life กันสักครั้งมั้ย?
ลองไปใช้ชีวิตแบบที่ไม่มีไฟฟ้า นอนบนแพที่ติดสายน้ำ ลองไปใช้ชีวิตแบบเงียบๆ ไม่มีสัญญาณมือถือ ตัดขาดจากโลก Social สักวัน … แบบที่จะได้ให้เวลากับตัวเองและคนข้างๆได้เต็มที่ … แบบที่ได้นอนฟังเสียงน้ำ และนอนดูแสงดาว : ) @River Kwai Jungle Rafts
การเดินทาง ขับรถจากกรุงเทพฯ ประมาณ 3 ชม.ค่ะ มาที่ ท่าเรือพุตะเคียน (ถ้าหาใน Google map ไม่เจอให้ใช้ชื่อเดิมค่ะ “ท่าเรือ รีโซเทล จังเกิ้ลราฟท์”) มีเรือตั้งแต่ช่วง 13.00 -18.00 น. โดยเรือจะมีเรืออกทุกชั่วโมงค่ะ : )
และไม่นาน เรือก็มา … เอาจริงๆ เรื่มมีความตื่นเต้นตั้งแต่ก้าวขึ้นเรือ … คือตอนแรกๆก็แอบกังวลว่ามันจะเป็นไงน๊า… ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ และการตัดขาดจากโลกภายนอก (แต่เฮ้ยยยย มันโครตดีเลย!)
นั่งชมวิว 2 ฝั่งทางไปเรื่อยๆ เค้าก็จะแวะส่งผู้โดยสารในเครือโรงแรมตามจุดที่ผ่าน
นั่งกินลมชมวิว 20 นาทีผ่านไป… เราก็ถึงที่พัก : )
เรามาถึงเชคอินช่วงบ่าย 3 โมงนิดๆ …
ระหว่างทางเดินไปห้อง จะผ่านจุดนวด เผื่อใครเล่นน้ำเมื่อๆ ก็มานอนๆ ให้เค้านวดผ่อนคลายตรงนี้ได้นะ
ถ้าถามว่าร้อนมั้ย? เราว่าไม่นะ อาจเป็นเพราะเราไปช่วงหน้าหนาวด้วย แถมที่พักอยู่ติดน้ำ เลยไม่ร้อน ยังคงนอนเล่นเปลไกวหน้าห้องได้สบายๆ
( บางทีก็คิดนะ … ว่าเธอๆ ที่นั่งอยู่จะสบายไปมั้ย ไม่มีเก็บของ ไม่มีเปิดห้อง มาถึงหน้าห้องนี่นอนเลย 555+ )
คุณอาจคิดว่า… ไม่มีพัดลม แล้วถ้าร้อนล่ะ !!! ถ้ามัน Hotttt จริงๆ จะต้องทำไงใช่ป่ะ?
มันไม่ยากเลย … เพราะเวลาร้อนๆ เวลาทุกข์ใจ ก็แค่เอาหัวจุ่มน้ำ
มีภาพ Slow ให้ดู เผื่อใครคิดท่าดับความร้อนไม่ออก … เอาหัวปักลงเลย ปล่อยกายปล่อยใจ ผ่อนคลายความรู้สึกเครียดๆที่มีทิ้งไปกับสายน้ำให้หมด (เออ ปล่อยให้หมด ยกเว้นชูชีพ ใส่ให้ดีละกัน! ด้วยความเป็นห่วงนะจ๊ะ)
หรือจะเล่นท่ายากไปอีกนิด แบบบินลงน้ำ?
หรือจะเดินบนน้ำ?
เนี่ยแหละ วิธีคลายร้อนยามบ่ายๆ ที่ทุกห้องเค้าเล่นกัน
ส่วนผู้หญิงที่มากับเราน่ะ … เค้าไม่ได้คลายร้อนแบบนี้หรอก นั่งดูได้อย่างเดียว เพราะเป็นมนุษย์(เมนส์) พอดิบพอดี!
เอาเป็นว่าแค่นั่งๆนอนๆ ฟังเสียงน้ำ มันก็ฟินส์นะ ถึงแม้จะไม่ได้โดดก็ตามที : )
หรือใครอยากแค่นั่งจีบกัน เอาแค่ขาจุ่มน้ำเบาๆ อันนี้ก็ตามสบายเลย (ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก เวลาก็เป็นของคุณสองคนละ) * บอกเลยว่าดีต่อกาย … และดีต่อใจมากวิวแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้
มัวแต่ชิลล์เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่เก็บของ … ลองดูห้องพักกันสักนิด
นี่ห้องน้ำ … อย่าถามว่ามีเครื่องทำน้ำอุ่นมั้ย? คือเราแอบคิดในใจ … แต่ก็ไม่มีไฟฟ้า จะมีเครื่องทำน้ำอุ่นได้ไงวะ ใช่ป่ะ?
และส่วนด้านหลังห้อง จะมีเปลไกวอีกอัน เผื่อใครอยากปลีกวิเวกคนเดียว
เก็บของเสร็จ ยังเหลือเวลาอีกสักพักใหญ่เลย ว่าจะถึงเวลาอาหารเย็น (6โมงเย็น) เราเลยไปเดินเล่นกันที่หมู่บ้านมอญ (อยู่ด้านหลังของที่พัก จะมีสะพานให้เดินข้ามไป)
Slow life และแลดูห่างไกลจากผู้คนมากที่สุด (นี่เราไปวันหยุดยาวนะ คนไม่มี เดินสบ๊ายยยย นึกว่าปิดหมู่บ้านถ่ายแบบ ฮ่าๆ)
ใครชอบเดินเล่นชิลล์ๆ ถ่ายรูป ท่ามกลางธรรมชาติ ที่นี่โอเคเลย แต่ใครหวังจะมาหาของกิน (เหมือนเรา) อันนี้แห้วค่ะ!
มาก่อนมืดนะ ที่นี่ยุงค่อนข้างเยอะเลย … ยังดีที่เดินไปเรื่อยๆ มีให้ซื้อ กย. 15 (ข้างบนเนี่ยยุงเยอะ แต่ที่พักไม่มียุงสักตัว)
เดินไปเรื่อยๆ ก็จะเจอบ้าน เจอโรงเรียน … แต่ก็ยังไม่เจอของกิน
ก็แอบเงียบๆเหมือนกันนะด้านบนนี้ ยังดีที่ยังมีเด็กๆในโรงเรียน ลดความเงียบเหงาลงไปได้บ้าง (ตั้งแต่เดินมา เพิ่งเจอคน)
เดินมาอีกนิด มีช้างด้วย … (อาจมีบริการขี่มั้ง … พอดีไม่เจอควาญ เลยไม่ได้ถามมา)
ตรงนี้จะเป็นส่วนที่ขายของที่ละลึก
ทะลุจากตรงนี้ไป น่าจะเป็นส่วนที่เค้าเอาไว้โชว์การแสดงมั้ง …
ความจริง … เดินเล่นถ่ายรูปแบบไม่คนมันก็เพลินๆไปอีกแบบนะ แต่ตอนนั้นท้องร้องหนักมาก … มองหน้าดูนาฬิกาก็จะถึงเวลาอาหารละ เลยถึงเวลาต้องเดินกลับที่พักสักที
กลับมาเก็บของที่ห้อง นั่งพักอีกนิด ก็เห็นท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีละ … ละนั่นมันก็คงหมายถึงเวลาที่เรารอคอย…
จะเวลาอะไร … ถ้าไม่ใช่เวลาอาหาร 555+
5 โมงกว่าๆ เกือบ 6 โมง ณ ริมแม่น้ำ ความเย็นก็เริ่มเข้าปกคลุม ในรีสอร์ทเริ่มมีการจุดตะเกียงน้ำมัน ผู้คนเริ่มทะยอยเข้ามานั่งรอดินเนอร์ใต้แสงเทียน
สำหรับที่นั่งทานอาหาร เค้าจะจัดไว้ให้ แล้วแต่ว่าเราไปกันกี่คน (ถ้าโต๊ะใหญ่ๆ ก็จะเป็นด้านในนี้) ถ้า 2-4 คน ก็จะได้นั่งริมๆ ติดน้ำ (แยกโต๊ะเป็นห้อง ไม่ได้นั่งรวมค่ะ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ private)
อาหารเย็นจะเป็นอาหารไทยค่ะ กับข้าว 5 อย่าง (รสชาติอาจไม่จัดจ้านเท่าไร เนื่องจากมีชาวต่างชาติเยอะเหมือนกัน แต่เรื่องวิว และบรรยากาศ บอกเลยว่ากินขาด!)
แปปๆ ความหนาวเริ่มเข้าปกคลุมหนักขึ้น เนื่องจากแสงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า … ทีนี้ก็เหลือแค่แสงตะเกียงกับแสงดาวแล้ว (ในรูปอาจไม่เห็นนะ แต่ถ้าอยู่ใต้บรรยากาศนี้ รับรองว่ามีให้เห็นชัวร์ๆ : ) โรแมนติกชะมัด!
กินข้าวเสร็จสักพัก … รีบกลับห้องไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดนอน เตรียมไปดูระบำมอญต่อตอน 2 ทุ่ม (รีบอาบน้ำเพราะกลัวหนาว … แต่จริงๆ อาบตอนไหนก็หนาวอยู่ดีแหละ 555+ ไม่รู้จะรีบไปทำไม)
เวทีการแสดง จะอยู่ที่แพสุดท้ายเลย … เป็นการแสงรำของชาวมอญ ประกอบดนตรี (เราไม่ค่อยได้ดูการแสดงพวกนี้เท่าไร ปกติไม่ค่อยอิน … แต่คืนนั้นแบบว่าดูเพลินเลย อาจเป็นเพราะบรรยากาศเย็นๆ พร้อมเสียงดนตรี ท่ามกลางแสงเทียนมั้ง … มันเลยทำให้ทุกอย่างดูลงตัวไปหมด! แบบว่าไหนๆก็เที่ยวแล้ว ก็ลองดูสักหน่อย)
การแสดงใช้เวลาน่าจะประมาณ 30-40 นาที … ดูจบยังไม่มีวี่แววจะง่วงสักนิด เลยมานั่งมอมเมาตัวเองต่อ แบบว่าหมดแก้ว หมดเงิน หลับสบาย 555+
เวลาเดินก็ถือตะเกียงแบบนี้แหละ เป็นไฟส่องทาง (จริงๆมีไฟฉายเล็กๆที่เค้าให้ติดมากับกุญแจห้องนะ แต่อันนี้มันสว่างกว่า และมันก็ได้บรรยากาศมากกว่าไง)
บาร์นี่เปิดยาวๆๆๆ ไป (บาร์ก็ตรงที่กินข้าวแหละ อยู่ติดน้ำเลย) สั่งเสร็จออกไปนั่งโต๊ะติดน้ำ แหงนหน้าดูดาว รับลมเย็นๆ ฟินส์มากอ่ะบอกเลย …
กลับมาถึงหน้าห้อง ยังมีฟีลลิ่งอยากตากลมอยู่ …
ไม่นานนัก ภาพก็ตัดไป … ตอนกลางคืนนี่ไม่ต้องถามหาพัดลมหรอก รู้ตัวอีกทีก็ขดอยู่ในผ้านวมละ ตื่นมาอีกที 6 โมง หมอกก็ลงอย่างที่เห็น
อยากจะบอกว่าที่เย็นมาก อาจเป็นเพราะเสื้อผ้าไม่พอด้วยส่วนหนึ่ง แบบกลัวว่าจะร้อน เลยเตรียมแต่เสื้อผ้าบางๆไป ที่ไหนได้โครตเย็นเลย … ต่างชาติข้างห้องถามว่า “ยูๆ ไม่มีเสื้อที่หนากว่านี้เหรอ?” เลยบอกว่าไม่มี กลัวจะร้อนเลยเอาแต่เสื้อบางๆมา … รู้มั้ยเค้าตอบว่าไง? … เค้าบอกว่า ยูนี่หน้าหนาวนะ จะร้อนได้ไง มันต้องหนาวสิ!!! ค่ะ รับทราบ ไม่รู้เรื่องเลยเรา 555+
ตื่นมาก็หิวเลย… เช้าๆ เค้ามีให้อาหารช้างนะ อยู่ตรงใกล้ๆกับที่กินข้าวนั่นแหละ
ให้อาหารช้างเสร็จ ถึงเวลาอาหารคน
หมอกยามเช้า แดดอ่อนๆ … อากาศเย็นๆ กาแฟร้อนๆสักแก้ว มัน โ ค ต ร จ ะ ดี เ ล ย!
กินเสร็จยังมีเวลา ย่อย เก็บของ นอนพักอีกแปป (เชคเอ้าท์ เลทสุด เรือรอบสุดท้ายออกตอนเที่ยงจ๊ะ)
แล้วเวลาแห่งความสุขมันก็ผ่านไปไวเสมอแหละ : ) นี่ไม่ใช่ที่พักสุดหรู ไม่ได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่เชื่อมั้ยว่าตั้งแต่ไปกาญฯมา เรากลับประทับใจกับที่นี่มากที่สุดเลย … อาจเป็นเพราะเป็นที่แรกเลยมั้ง ที่เราได้ใช้เวลากับตัวเองมากที่สุด ได้พักผ่อน ได้เต็มที่กับธรรมชาติ ไม่ต้องมีไฟ ไม่ต้องมีแอร์ มีแค่ความสุขบนสายน้ำ กับความเย็น : )
และนี่ก็คงถึงเวลาที่ต้องจากที่นี่ไปละ … เหลือเพียงความทรงจำดีๆ เก็บไว้ดูสักวันเหนื่อยๆ เบื่อๆชีวิตในเมือง ชีวิต Social จะไปพักใหม่อีกรอบ
ราคาจะขึ้นอยู่กับวันที่จองค่ะ โดยประมาณอยู่ที่ 3xxx
เชคราคาได้ คลิกที่นี่
การเดินทางโดยรถยนต์
ขับไปทางนครปฐม แล้วไปทางบ้านโป่ง จ.กาญจนบุรี ผ่าน อ.ไทรโยค > น้ำตกไทรโยคน้อย จนไปถึงท่าเรือพุตะเคียน (ถ้าตั้ง google map ให้ตั้งไปที่ชื่อเดิมคือ “ท่าเรือรีโซเทล” ได้เลย )
ขับเข้าหมู่บ้านไปประมาณ 2 กม. จะเจอท่าเรือ มีที่จอดรถอยู่เป็นของรีสอร์ท (ไม่เสียค่าจอดค่ะ)
การเดินทางโดยรถไฟ
มีบริการรถไฟชั้น จากกรุงเทพ มายังสถานนีน้ำตก โดยจะจอดที่จังหวัดกาญจนบุรี และสะพานข้ามแม่น้ำแคว ค่าบริการ 100 บาท *** ขึ้นได้ที่สถานทีธนบุรี ให้เลือกลงสถานีน้ำตก > ต่อรถบัส (ไทรโยค-ทองผาภูมิ ค่าบริการ 150 บาท) ไปที่หลักกิโลเมตรที่ 56 ป้าย “รีโซเทล” จากนั้นลงเรือหางยาวเดินทางสู่ “เรือนแพ ริเวอร์แคว จังเกิลราฟท์”
รอบเช้าเวลา 7.50 น. ถึงสานีน้ำตกประมาณ 12.35 น. รายละเอียดเพิ่มเติม
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://www.riverkwaijunglerafts.com
Facebook: https://www.facebook.com/riverkwaijunglerafts
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร: 02-6425497
ติดตามรีวิวอื่นๆได้ที่
https://th.readme.me/id/ReviewPapai