ชาวมอญเป็นชนชาติเก่าแก่ที่มีอารยธรรมรุ่งเรืองมากชาติหนึ่ง มอญได้มาตั้งอาณาจักรขึ้นที่ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำอิระวดี บริเวณพม่าตอนล่างโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่สะเทิม ประมาณปี พ.ศ 241 อาณาจักรมอญเจริญรุ่งเรืองทั้งทางด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและศาสนา
ชนชาติมอญ คือชาวต่างชาติ ต่างภาษา จากทิศตะวันตกของสยามประเทศ ที่ในวันนี้ดูจะกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับชนชาติไทยสยาม เสียยิ่งกว่าชนชาติลาวจากทิศตะวันออกที่ถึงแม้จะต่างชาติ แต่ก็ไม่ต่างภาษา
ชนชาติมอญ ชาวต่างมอญ ต่างภาษากลุ่มนี้ หน้าตารูปร่างก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากชาวไทยสยาม หรือชาวลาว ตามตำราด้านมานุษยวิทยา จัดให้มอญอยู่ในกลุ่มตระกูลภาษามอญ ขแมร์ หรือ Austro Asiatic อันหมายถึงตระกูลภาษาไท-กะได หรือตระกูลภาษาที่มีเสียงวรรณยุกต์ ชาวมอญเรียกตนเองว่า “รมัน” หรือ “ราโมน” แล้วเพี้ยนมาเป็นมอญ ไทยเรียก “รามัญ” หรือ “มอญ” ส่วนพม่าเรียนกว่า “ตะเลง” ชาวมอญเรียกดินแดนของตัวเองว่า “รามันเทศะ” หรือ “รามันประเทศ” ในอดีตดินแดนของมอญอยู่ในประเทศพม่า ปัจจุบันอยู่ทางตอนใต้ติดชายฝั่งทะเล ไล่ขึ้นไปถึงกลุ่มแม่น้ำเอยาวดีหรือ อิระวดี ไปจนถึงชนแดนกับพม่า ตรงเหนือสุดที่เมืองหงสาวดีเหนือเมืองย่างกุ้งขึ้นไป อันหมายถึง ย่างกุ้ง เมืองหลวงเก่าของพม่าในปัจจุบันก็เป็นดินแดนของมอญมาแต่เดิมด้วย
มอญล่มสลายเมื่อเสียเอกราชและถูกรวมเข้ากับพม่า สภาพความเป็นอยู่ของชาวมอญที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่ออิสระภาพและความอยู่รอดของตน ตลอดจนความเดือดร้อนจากการปกครองจึงทำให้ชาวมอญได้อพยพจากการปกครองอย่างกดขี่ของพม่า มอญที่อพยพเข้ามาในประเทศไทยได้รับการต้อนรับและมีฐานะเช่นเดียวกับพลเมืองชาวไทย ชาวมอญเหล่านั้นเป็นกำลังสำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะมีบทบาทในการรับราชการทหารป้องกันการรุกรานของพม่าตามหัวเมืองชายแดน แม้ว่าจะเข้ามาอยู่ประเทศไทยเป็นเวลานาน แต่ชาวมอญยังคงสามารถรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมได้ถึงปัจจุบัน
เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของชาวมอญให้ดีขึ้น แพริเวอร์แคว จังเกิ้ลราฟท์รีสอร์ทได้รับชาวมอญท้องที่เข้ามาเป็นพนักงาน รวมทั้งฝึกอบรมการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง พนักงานชาวมอญของเราจะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากพนักงานทั่วไป โดยที่ใบหน้าจะมีการทาแป้ง “ทานาคา” ประหนึ่งเครื่องสำอางค์ที่เราใช้กัน
เครื่องสำอางชาวมอญ
ผิวพม่าจะเป็นเนื้อละเอียด ขาว จึงดูผิวสวยและสุขภาพดี ความลับของผิวพม่าก็คือ “ทานาคา” ที่สาวๆ พม่าทุกคนต้องรู้จัก
ทานาคา เป็นไม้เนื้อแข็ง ขึ้นในเขตแห้งแล้งในภาคกลางของประเทศพม่า เฉพาะที่พุกามหรือมัณฑะเลย์ ส่วนที่เป็นเปลือกมีกลิ่นหอมและเป็นสมุนไพรสารพัดประโยชน์ สาวพม่ารู้จักใช้ทานาคามานานกว่า 200 ปี เวลาใช้ก็นำเอาท่อนไม้ทานาคา มาฝนกับแผ่นหิน เจือด้วยน้ำเล็กน้อย แล้วใช้ทาเรือนร่างโดยเฉพาะใบหน้าจะเน้นมาก
ผงทานาคาที่ดีจะต้องมาจากไม้ทานาคาที่ตากแห้งตามธรรมชาติ และบดเป็นผงให้ละเอียด มีสรรพคุณในการชะลอความชราของผิวได้ดีมาก ผงสีเหลืองนวล ใช้ผสมน้ำขัดหน้าและพอกไว้สักครู่จนแห้ง เป็นสมุนไพรรักษาสิวและความมันของใบหน้าได้เป็นอย่างดี